ประวัติ สา รัช ถ์ รัตนา วะ ดี: สตรีที่กล้าท้าชีวิตและเปลี่ยนโลก
สา รัช ถ์ รัตนา วะ ดี หรือ ชื่อเล่นว่า “รัตนา” เป็นสตรีประเภทหนึ่งที่มีความกล้าหาญสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย เธอไม่ได้เป็นเพียงเพื่อนของกษัตริย์รัชกาลที่ ๕ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้พอใจกับการเลี้ยงดูเด็กผู้หญิงตามวัฒนธรรมไทยของสมัยนั้น เพราะช่วงนั้นเด็กผู้หญิงกว่าเพศชายจะต้องได้รับการศึกษาศาสนาและอักษรตั้งแต่เด็กๆ และเมื่อเป็นวัยเจริญพันธุ์จะต้องแต่งงานและมีลูก รัตนาเห็นว่าการเลี้ยงดูเด็กผู้หญิงในสังคมไทยในสมัยนั้นมีปัญหาอย่างมาก เธอเชื่อว่าเด็กผู้หญิงก็มีสิทธิที่จะได้รับการศึกษาและใช้ชีวิตตามที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ด้วยเหตุนี้เธอได้กลายเป็นนักประดิษฐ์และการเมืองที่สำคัญของประเทศไทยในยุคสมัยนั้น
การศึกษาและการทำงาน
เด็กผู้หญิงแห่งครั้งนั้นหลายคนไม่สามารถไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนได้ เนื่องจากชายพันธุ์เอกประกาศว่าเด็กผู้หญิงไม่ควรไปเรียนหนังสือ เพราะว่าเขาเชื่อว่าเด็กผู้หญิงจะไม่มีใครจะเจ้าพนักงาน นั่นไม่ต่อเนื่องต่อที่จะเกิดผลในอนาคตของดินแดนในสมัยนั้น เพราะผู้หญิงก็จะต้องรับมือกับสภาพความยากลำบากและการแบ่งเศษภัยโภคยินดีตลอดชีวิต เรียกได้ว่ารัตนาเริ่มต้นการเรียนรู้ในช่วงเด็กๆ แต่เขาได้ออกมาลุยโลกของการทำงานค้าขาย เป็นคนขายสินค้าและผู้สื่อข่าวเป็นเวลาสั้นๆ รวมทั้งยังพบว่าตนเองมีความสามารถในการประดิษฐ์ เธอเริ่มสร้างสิ่งมหัศจรรย์อย่างจริงจังเมื่อสร้างเครื่องมือประดิษฐ์โดยใช้ผ้าพันคอ เหรียญเงิน และลวดม้วน
สภาพการเมืองบนย่านฝั่งตะวันตกในยุค ๑๙ จนถึงยุค ๒๐ เต็มไปด้วยความปลอดภัยเป็นเอกลักษณ์สำคัญ แต่รัตนาจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นตามประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเรียงความถูกต้องของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนย่านฝั่งตะวันตก เธอจึงลองเข้าร่วมกลุ่มนักเมืองที่มีการเปลี่ยนแปลงจิตวิทยาทางการเมืองผ่านการศึกษาเพิ่มเติม ทั้งนี้เพราะคุณค่าศิลปวัฒนธรรมและการขยายความรู้ ที่ช่วยเปลี่ยนแปลงและพัฒนาผู้คนในระรัวที่แตกต่างกัน รัตนา วะ ดี เชื่ออย่างตั้งใจว่าความรู้ความชำนาญเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยพัฒนาประเทศไทยให้เกิดการเติบโตมากขึ้น และเพื่อเป็นแรงผลักดันการพัฒนาประเทศให้ขยับไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
ความเป็นเลิศของรัตนา
การประดิษฐ์และการต่อสู้บนฟ้าทั้งหมดเป็นฝีมือที่รัตนาเป็นเลิศด้วย เธอได้สร้างมิตรภาพกับกลุ่มคนและเชื่อว่าความรู้ความสามารถที่มีอยู่นั้นสามารถใช้ในการช่วยผู้อื่นได้เช่นเดียวกับการเข้าร่วมกับกลุ่มพวกเขาในการลุกขึ้นมาต่อสู้ให้ได้รับสิทธิเสมอภาคคู่ในการเลือกตั้งในปี ค.ศ. ๒๕๐ๅ
โดยดำรงตำแหน่งสมาชิกที่ใช้เวลามากกับการประชุมในรัฐสภาและสังกัดไปยังกลุ่มประชาชนชุมชนและส่วนองค์กรที่สนับสนุนการประชาธิปไตยในประเทศไทย เด็กผู้หญิงแห่งครั้งนั้นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกพิเศษของไม่มีฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน และทำให้เธอวางแผนการทำการเมืองอย่างมากมายเพื่อเพิ่มสิทธิต่อตนเองและผู้อื่นในชุมชน
รัตนาได้มีส่วนช่วยเหลือในการสร้างสถานที่ของโรงเรียนสำหรับผู้หญิงคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในบริเวณชานเมืองในประเทศไทย เนื่องจากเธอเชื่อว่าการศึกษามีความสำคัญอย่างมากในการเข้าถึงด้านกลุ่มเนื้อหาที่แตกต่างกันระหว่างชาติและชุมชน เธอจึงพยายามจัดหาและดำเนินการสร้างสถานที่เพื่อให้พื้นที่และอุปกรณ์การเรียนรู้ให้กับเด็กผู้หญิงสุดเจ้าของเรื่อง
การประทับใจ
ความคิดของรัตนา วะ ดี ถูกล้อเลียนด้วยการกล่าวออกมาในช่วงยุคเดียวกันกับการพัฒนาของประเทศไทยในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๕ ไปยังเริ่มต้นช่วงช่วงทองคำของกองทัพอาเซียนตามมา สภาพการเมืองและสังคมไทยเต็มไปด้วยการ็อปเปอร์ที่กำลังพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว การเป็นสตรีในสำนักงานและการเป็นหัวหน้าครอบครัวไม่ใช่สิ่งที่ปกคลุมเหนือทุกสิ่งแล้ว ถ้าหากเราจะได้โอกาสสำหรับสตรีที่มีพลังประทับใจเราเป็นอย่างมาก การมองเห็นและเริ่มต้นตลอดชีวิตคือความผ่านพ้นจากความขัดแย้ง
FAQs
1. สา รัช ถ์ รัตนา วะ ดี คือใคร?
– สา รัช ถ์ รัตนา วะ ดี เป็นสตรีประเภทหนึ่งที่มีความกล้าหาญสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
2. รัตนาได้ทำอะไรมาก่อน?
– เธอเริ่มต้นการเรียนรู้ในช่วงเด็กๆ แต่เขาได้ออกมาลุยโลกของการทำงานค้าขายและเป็นคนขายสินค้า โดยเป็นคนขายผ้าพันคอ เหรียญเงิน และลวดม้วน
3. รัตนาได้ช่วยเหลืออะไร?
– เธอได้ช่วยสร้างโรงเรียนสำหรับผู้หญิงคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในบริเวณชานเมืองในประเทศไทย และพยายามจัดหาและดำเนินการสร้างสถานที่เพื่อให้การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก
4. การประดิษฐ์ของรัตนา วะ ดี คืออะไร?
– เธอได้สร้างมิตรภาพกับกลุ่มคนและเชื่อว่าความรู้ความสามารถที่มีอยู่นั้นสามารถใช้ในการช่วยผู้อื่นได้เช่นเดียวกับการเข้าร่วมกับกลุ่มพวกเขาในการลุกขึ้นมาต่อสู้ให้ได้รับสิทธิเสมอภาคคู่ในการเลือกตั้งในปี ค.ศ. ๒๕๐ๅ
5. รัตนาเกี่ยวกับการเมืองอย่างไร?
– เธอได้แต่งตั้งให้เป็นสมาชิกพิเศษของไม่มีฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน รวมถึงวางแผนการทำการเมืองอย่างมากมายเพื่อเพิ่มสิทธิต่อตนเองและผู้อื่นในชุมชน
