อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นชู้คือใคร: เรื่องราวความเปลี่ยนแปลงในวงการการเมือง
อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นชู้คือใคร: เรื่องราวความเปลี่ยนแปลงในวงการการเมือง
ในการเมืองไทยมีเรื่องราวจริงที่มีกระแสและชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึง “อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นชู้” โดยเฉพาะเมื่อเราพูดถึงเป็นชู้ของใครบางคนก็อาจจะนึกถึงชื่อ “กมลชนก” ที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายกฯ อภิ โชคเยอะมาก่อน แต่ในบทความนี้เราจะพูดถึงวงการการเมืองทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นชื่อ และข่าวสารรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ประวัติความเป็นมา
เมื่อเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ไทย เมื่อประเทศไทยยังเป็นสยาม (อาณาจักรสยาม) หรือสมัยยุคอโยธยา ชื่อ “ราชีวี” มีความหมายว่าเป็นผู้แทนของกษัตริย์เพื่อประทับใจให้กับแรงงานในชนบท แต่เมื่อโบราณวัตถุพบในซึ่งช่วงเวลาระหว่างรัชกาลที่ 1 คือ พระนารายณ์มหาราช พบเครื่องประดับซึ่งสร้างจากเงินและทอง บรรจุด้วยรูปหน้าชู้ (มีชื่อว่า Tu-Lok และ สร้างจากเงินหรือทอง) หน้าชู้ที่ปรากฎบนเครื่องประดับจากสมัยในอดีตเป็นเครื่องแต่งกายยุครัชกาลที่ 7 ที่ประจำของมหาชนกที่มีอำนาจสูงสุดในเวียดนาม เป็นเหตุผลที่ชื่อ “ชู้” มีความหมายว่าฝ่ายแพ้ในสงคราม ที่สืบต่อมาจึงกลายเป็นผู้ชนะ
บุคคลที่เป็นชู้
ในประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการเมือง การเป็นชู้เป็นเรื่องที่ชื่อได้ยินกันอย่างกว้างขวาง เชื่อว่าหลายๆ คนที่ติดตามเรื่องการเมืองอย่างใกล้ชิดก็นึกถึงชื่อ “กมลชนก” ที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลก่องดินสอ ซึ่งช่วงปี 2536-2548 นายกฯ อภิ โชคเคยกล่าวว่า “เป็นชู้” เมื่อหลังจากสหพันธรัฐฯ ประกาศทำการสงบสถานการณ์แล้ว เนื่องจากไม่ได้เปิดเผยรายชื่อผู้ที่เป็นชู้ระหว่างที่เป็นรัฐมนตรีกิจการ ต่อมามีเรื่องของเรื่องการด่ารัฐบาลซึ่งผู้ที่ด่าจึงถูกนำในมาตรา 112 และถูกจับตัวก่อนไปเป็นชู้ด้วย
FAQs
Q: อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นชู้คืออะไร?
A: การเป็นชู้หมายถึงสภาพซึ่งบุคคลหนึ่งที่อยู่ในตำแหน่งสูงสุดของรัฐบาล ปรากฏว่าเป็นคนที่ไม่มีความซื่อสัตย์และเครียดว่าถูกจับได้สภาพนี้ถูกใช้ในการแทนผู้ดียังมั่นใจได้ว่าเป็นเท็จ
Q: กมลชนกเป็นรองนายกรัฐมนตรีที่เป็นชู้ใช่หรือไม่?
A: ใช่ เมื่อครั้งที่เป็นสมาชิกรัฐมนตรีในรัฐบาลก่องดินสอ นายกฯ อภิ โชคเคยกล่าวว่า “เป็นชู้” เมื่อหลังจากสหพันธรัฐฯ ประกาศทำการสงบสถานการณ์แล้ว
Q: คำว่าชู้นี้มาจากตำแหน่งของสมาชิกในสมัยไหนของประเทศไทย?
A: ชื่อว่า “ชู้” มาที่ประเทศไทยตั้งแต่อดีตสมัยสยาม (อาณาจักรสยาม) แต่เป็นสำนวนที่มีความหมายว่าบุคคลที่เป็นผู้แทนของกษัตริย์เพื่อประทับใจให้กับแรงงานในชนบท
Q: ใครเป็นผู้ที่เป็นชู้บ้าง?
A: ในวงการการเมืองไทยมีบุคคลหลายคนที่เคยเป็นชู้ ยกตัวอย่างเช่น กมลชนก สิทธิพานิช พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา และอื่นๆ อีกมากมาย
Q: การเป็นชู้มีผลต่อการเมืองไทยอย่างไร?
A: การเป็นชู้เป็นเรื่องที่มีผลต่อการเมืองไทยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปิดเผยถึงที่มาของการเป็นชู้ ทำให้ผู้ที่เป็นชู้ต้องพบกับคดีความและใช้ชีวิตยังคงเป็นปัญหาตลอดกาล และการตัดสินใจของสำนักงานได้รับกระแสต่อเนื่องจากนักเลงเงินสูงสุด ณ ตอนนี้กระจายไปยังต่างประเทศและไม่สามารถยึดคืนได้ ทำให้คณะรัฐบาลต้องใช้อัตราเงินเพิ่มเติมเพื่อให้ดำเนินการได้
สรุป
การเป็นชู้เป็นสิ่งที่ได้รับความหมายเป็นอย่างมากในวงการการเมืองไทยและยังคงได้รับความสนใจจากผู้ที่ติดตามเรื่องการเมืองอย่างใกล้ชิดในปัจจุบัน การรู้จักชัดเจนว่าการเป็นชู้เป็นสิ่งที่สิ้นเปลืองเวลาและมีผลกับการสร้างความเชื่อถือในคณะรัฐบาล ทำให้เราต้องเข้าใจเป็นอย่างดีว่าแต่ละด้านในวงการการเมืองมีบทบาทอย่างไรในการสร้างและเสริมสร้างเป้าหมายที่แท้จริงของการดำเนินการของประเทศ