ตาปลา เกิด จาก อะไร? แนวโน้มในการวิจัยและการรักษาโรคตาปลา
ตาปลา เกิด จาก อะไร? แนวโน้มในการวิจัยและการรักษาโรคตาปลา
ตาปลา เป็นโรคตาที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยผู้ที่ติดเชื้อภายในตอนแรกจะมีอาการคันตา ตัวต่อตัวไปเป็นการติดเชื้อตาปลา เพราะเชื้อแบคทีเรีย ที่มีชื่อว่า Pseudomonas aeruginosa ทำลายเนื้อเยื่อตาและมีอาการเลือดออกจากหลอดเลือดในตา เมื่อต้องไปรักษาด้วยยาแล้วและไม่ได้รักษาแล้วอาการจะเป็นพฤติกรรมที่สำคัญที่สุดของโรคตาปลา
ภูมิคุ้มกันต่ำทำให้เกิดการติดเชื้อกลับมา เป็นการติดเชื้อติดต่อกันได้ และสามารถติดเชื้อได้จากผ้าเช็ดตา ที่ไม่มีความสะอาดหรือน้ำในสระว่ายน้ำหรือเหยื่อของปลา
การวิจัยและการรักษาโรคตาปลา
การวิจัยเกี่ยวกับโรคตาปลาเน้นไปที่การค้นหาวิธีการรักษาและป้องกันโรค เช่น การใช้สารเคมีสกัดแบคทีเรีย แบบเทคโนโลยี Nano ที่มีประสิทธิภาพในการทำลายแบคทีเรีย แต่ได้รับผลสำเร็จแต่มีความต้องการใช้งานจริงมาก
การรักษาโรคตาปลา หลายท่านใช้อาการหัวใจย้อนหลังจากการผ่าตัดหรือการรักษาโรคซึ่งอาจเป็นเหตุก่อให้เกิดโรคตาปลา โดยสำหรับผู้ที่ติดเชื้อแล้วแนะนำให้ควบคุมการติดเชื้อโดยการป้องกันและรักษาโรคตาปลาให้ได้ผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
FAQs
1. โรคตาปลาสามารถกำจัดได้หรือไม่?
ตอบ: โรคตาปลาสามารถกำจัดได้ โดยการรักษาโรคโดยการใช้ยาและการป้องกันการสัมผัสไร้ความจำเป็น
2. การวัดปริมาณเชื้อแบคทีเรียในตาปลา จะทำได้อย่างไร?
ตอบ: สามารถวัดปริมาณเชื้อโดยการเก็บตัวอย่างของน้ำในสระว่ายน้ำ จากนั้นนำไปวัดปริมาณเชื้อทางสารเคมีด้วยเครื่องจับเซฟีไฟร์ หรือ ตีขึ้นแต่ละชั่วโมง เพื่อตรวจสอบหาเชื้อแบคทีเรีย
3. วิธีการป้องกันการติดเชื้อโรคตาปลา?
ตอบ: วิธีการป้องกันการติดเชื้อโรคตาปลา เป็นการใช้เครื่องมือและการปรับปรุงการดูแลสุขภาพ คือการใช้น้ำบริสุทธิ์มีอุณหภูมิสูงสุด 25 องศาเซลเซียสในการล้างตาทุกวัน การสัมผัสสัตว์น้อย ลดการสัมผัสผ้าเช็ดตาที่ใช้ร่วมกับคนอื่น ต้องนำความสะอาดของน้ำในสระว่ายน้ำหรือแหล่งน้ำจืด ที่ผ่านการจัดการแล้ว
4. มีอาการอะไรบ้างเมื่อติดเชื้อโรคตาปลา?
ตอบ: มีอาการคันตา และอาจมีแผลในตา เผยความเข้มข้นของน้ำตา และมีบอดสีบริเวณตา
5. จะต้องรักษาโรคตาปลาเชื่อถือได้หรือไม่?
ตอบ: การรักษาโรคตาปลาเชื่อถือได้ ต้องมีการปฏิบัติตามคำแนะนำและคำเตือนโดยดี เพื่อหยุดการแพร่กระจายของโรค สามารถเรียนรู้เกี่ยวกับโรค Nakamura ที่เป็นโรคตาปลาอย่างลึกซึ้ง และการรักษาโรคตาปลาโดยคลินิกและการสัมผัสไร้ความจำเป็น